Published: 05/07/2025

เลือกที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุปี 2025 แบบไหนใช่สำหรับคุณ? สำรวจ 4 รูปแบบพร้อมเคล็ดลับวางแผนชีวิตหลังเกษียณ

รู้หรือไม่? ทางเลือกที่อยู่อาศัยและชุมชนดูแลผู้สูงอายุหลากหลายกว่าที่คิด เลือกได้ตามสุขภาพ งบประมาณ และไลฟ์สไตล์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นใจในวัยเกษียณ

ทางเลือกของที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ: รูปแบบสำคัญในปี 2025

ในปี 2025 มีที่อยู่อาศัยและชุมชนสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทยหลากหลายประเภท โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทที่ตอบสนองระดับความช่วยเหลือตัวเองและความต้องการในการดูแลที่แตกต่างกัน

1. บ้านพักผู้สูงอายุ (Retirement Homes)

  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่สามารถดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง
  • ให้บริการพื้นฐาน เช่น อาหาร กิจกรรม และอาจมีเจ้าหน้าที่ตรวจสุขภาพตามรอบเวลา
  • มีทั้งของรัฐ (อัตราค่าใช้จ่ายต่ำหรือไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับผู้มีรายได้น้อย) และของเอกชน (เน้นความสะดวกและบริการเพิ่มเติม)
  • ในปี 2025 รูปแบบบ้านพักผู้สูงอายุเอกชนได้รับการพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้สูงวัยสมัยใหม่ เช่น เพิ่มกิจกรรมเพื่อสร้างเครือข่ายทางสังคม การฝึกสมาธิ หรือฝึกทักษะดิจิทัล สำหรับบ้านพักรัฐมีการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับการเข้าถึง เช่น ทางลาด ห้องน้ำปลอดภัย และมีระบบขนส่งเฉพาะ รองรับผู้สูงอายุในชุมชนต่างจังหวัด

2. ศูนย์ดูแลระยะยาว (Nursing Homes)

  • เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
  • ให้บริการโดยบุคลากรสุขภาพและพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังหรือการเคลื่อนไหวลำบาก
  • ปัจจุบันศูนย์เหล่านี้เริ่มให้บริการบ้านฟื้นฟูสมรรถภาพและฟื้นฟูหลังผ่าตัดระยะสั้นด้วย เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลเฉพาะบางช่วงเวลาโดยไม่ต้องพักระยะยาว อีกทั้งหลายแห่งมีระบบเฝ้าระวังสุขภาพด้วยเทคโนโลยี (IoT) ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์กลุ่มแพทย์-ญาติ

3. Assisted/Supported Living (ที่พักดูแลเฉพาะ)

  • สำหรับผู้ที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้บางส่วน แต่ต้องการการช่วยเหลือในบางกิจกรรม เช่น เดิน รับประทานอาหาร หรือดูแลสุขอนามัย
  • ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลตลอดเวลา
  • ในปี 2025 มีการออกแบบสิ่งปลูกสร้างให้เหมาะกับการเคลื่อนไหว เช่น ทางเดินกันลื่น ราวจับทุกจุด พร้อมเทคโนโลยี Home Automation สำหรับควบคุมไฟ, อุณหภูมิ, หรือแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน ส่วนกิจกรรมที่จัดให้เน้นฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ เช่น กายภาพบำบัด โยคะ ศิลปะบำบัด

4. ชุมชนผู้สูงอายุอิสระ (Independent Living Communities)

  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการดำเนินชีวิตแบบอิสระ มีปฏิสัมพันธ์ในชุมชน และเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
  • ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสุขภาพ เครือข่ายสังคม ความปลอดภัย และบริการพื้นฐาน
  • โครงการแบบนี้เกิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยเน้นความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต เช่น มีศูนย์กิจกรรมกลาง สวนสาธารณะขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และระบบขนส่งภายในชุมชน ผู้สูงอายุสามารถเลือกอยู่แบบเช่าระยะยาวหรือเป็นเจ้าของร่วม (Co-housing) สอดคล้องกับแนวโน้ม “Active Aging” และอิสระภาพในการใช้ชีวิต

สถานะปัจจุบันและแนวโน้มการพัฒนาชุมชนดูแลผู้สูงอายุในไทย

  • ในปี 2024–2025 มีบ้านพักและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในไทยประมาณ 916 แห่ง
    • Nursing Home 832 แห่ง
    • Residence 84 แห่ง
  • พื้นที่ส่วนใหญ่จัดตั้งในเขตเมืองใหญ่ และมีการขยายตัวสู่ปริมณฑลและชนบทเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงบริการที่เหมาะสม
  • แนวโน้มสำคัญในปี 2025 คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ Smart Home มาใช้เพิ่มความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด AI, สายรัดข้อมือตรวจจับการหกล้ม หรือแอปฯ สุขภาพเชื่อมต่อญาติและแพทย์
  • ผู้ให้บริการบางรายเริ่มสร้างความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้บริการส่งต่อและดูแลสุขภาพถึงที่อยู่อาศัย

ตัวอย่างลักษณะการเลือกที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุในไทยปี 2025

  • การอยู่อาศัยในชุมชนเดิม (Aging in place): ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ (64.5%) ยังคงเลือกอยู่อาศัยร่วมกับครอบครัวหรือคู่สมรสในพื้นที่เดิม
  • อัตราผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยเพียงลำพังเพิ่มขึ้นเป็น 12.9% ในปี 2025 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลหรือบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุยังไม่แพร่หลายมากนัก โดยมีผู้ใช้บริการประมาณ 1–5% ของผู้สูงอายุ หรือประมาณ 130,000–650,000 คน
  • ในปี 2025 กำลังเกิดกระแสการอยู่ร่วมแบบ “Co-housing” หรือกลุ่มเพื่อนสูงวัยรวมตัวซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลและแบ่งปันทรัพยากร รวมถึงดูแลกันเอง

ปัจจัยและองค์ประกอบสำคัญของชุมชนผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ

  • สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ (เช่น ทางเดิน, ไฟส่องสว่าง, ระบบเตือนภัย)
  • มีบุคลากรดูแลสุขภาพหรือเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุประจำ
  • สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น ห้องพัก โภชนาการ ระบบสาธารณูปโภค
  • พื้นที่และกิจกรรมส่งเสริมสังคมและสุขภาพจิต เช่น ห้องสมุด สวน กิจกรรมนันทนาการ
  • ระบบเครือข่ายอาสาสมัครหรือบริการดูแลที่บ้านในกรณีผู้สูงอายุเลือกพักอาศัยที่บ้านของตนเอง
  • ในปี 2025 ยังให้ความสำคัญกับการได้รับการเยี่ยมเยียนจากครอบครัว หรือกิจกรรมกลุ่มที่สร้างสัมพันธ์กับคนในชุมชนเดิม มีบริการรถรับ-ส่งผู้สูงวัย และบริการดูแลสุขภาพเคลื่อนที่ในบางพื้นที่

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเข้าพักที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในปี 2025

คุณสมบัติทั่วไป

  • อายุ 60 ปีขึ้นไป
  • สามารถช่วยเหลือตนเองได้บ้างหรือมีความต้องการดูแลเฉพาะด้าน ขึ้นกับประเภทบริการแต่ละแห่ง
  • ต้องผ่านการประเมินสุขภาพเบื้องต้น (ในกรณีที่มีโรคประจำตัว อาจต้องเลือกบริการที่เหมาะสม)
  • บ้านพักของรัฐหรือองค์กรส่วนใหญ่มุ่งเน้นกลุ่มผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือไม่มีครอบครัวดูแล
  • สำหรับบ้านพักเอกชน หลายแห่งเพิ่มเกณฑ์การคัดกรองเพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสมกับรูปแบบฟื้นฟู

ขั้นตอนการสมัคร

  • ติดต่อโดยตรงกับองค์กรที่ดูแลศูนย์ ตรวจสอบใบอนุญาตและมาตรฐานของศูนย์ก่อนตัดสินใจ
  • เตรียมเอกสาร เช่น ข้อมูลส่วนตัว รายได้ และผลประเมินสุขภาพ
  • บ้านพักของรัฐอาจมีขั้นตอนสมัครเพิ่มเติม เช่น การรอคิวหรือสัมภาษณ์
  • สำหรับเอกชน ส่วนใหญ่มีบริการให้ทดลองพักและเยี่ยมชมสถานที่ก่อนตัดสินใจเข้าพักถาวร

ค่าใช้จ่ายในปี 2025

  • รัฐ/มูลนิธิ: ไม่มีค่าใช้จ่ายถึงประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน (เหมาะกับผู้มีรายได้น้อย)
  • เอกชน: ประมาณ 10,000–80,000 บาทต่อเดือน โดยขึ้นกับประเภทและบริการที่เลือก
    • สำหรับ Co-housing หรือชุมชนร่วม อาจมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าหรือเป็นระบบซื้อขาด/เช่าระยะยาวแล้วแต่เงื่อนไขแต่ละโครงการ
  • ข้อแนะนำ: ควรสอบถามโปรโมชั่นหรือการชำระแบบเหมาจ่ายระยะยาว เพราะปี 2025 มีหลายโครงการที่เสนอส่วนลดหรือแบ่งชำระด้วยระบบสมาชิกเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงิน

แนวโน้มใหม่และการสนับสนุนจากรัฐในปี 2025

  • โครงการชุมชนบ้านมั่นคง: สนับสนุนแนวทาง aging in place และการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนเดิม
  • ศูนย์กิจกรรมผู้สูงอายุในชุมชน: มีการส่งเสริมให้มีศูนย์หรือกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 แห่งต่อปี เพื่อสร้างเครือข่ายและการสนับสนุนทางสังคม
  • โครงการอสังหาริมทรัพย์เฉพาะกลุ่ม: เช่น Senior Living Community, Co-housing หรือโครงการที่เน้นสุขภาวะและการอยู่อาศัยระยะยาวสำหรับผู้สูงวัย
  • ในปี 2025 กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพัฒนาสังคมยังเดินหน้าผลักดันให้สิทธิประโยชน์ผู้สูงอายุ เช่น เบี้ยยังชีพ, โปรแกรมพบแพทย์ที่บ้าน และเพิ่มอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุประจำหมู่บ้านกว่า 40,000 คนทั่วประเทศ

การเงินและความพร้อมของผู้สูงอายุ: การจัดการรายได้และภาระค่าใช้จ่ายเพื่อที่อยู่อาศัยในปี 2025

แม้ว่าทางเลือกของที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกกล่าวถึงในปี 2025 คือ “ภาระทางการเงิน” และการบริหารรายได้สำหรับการเลือกที่อยู่อาศัยคุณภาพในระยะยาว จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567) พบว่าผู้สูงอายุไทยมีรายได้หลักมาจากบุตร (35.7%) รองลงมาคือรายได้จากการทำงาน (33.9%) และจากเบี้ยยังชีพของรัฐ (13.3%) โดยเบี้ยนี้อยู่ที่ 600–1,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับที่อยู่อาศัยหรือศูนย์ดูแลเริ่มต้นที่ 1,500–2,000 บาทต่อเดือนสำหรับศูนย์รัฐ และสูงถึง 10,000–80,000 บาทสำหรับศูนย์เอกชนหรือชุมชนร่วม การวางแผนการเงินจึงมีความสำคัญยิ่งในปี 2025 ผู้สูงอายุจำนวนมากจึงยังต้องพึ่งพาครอบครัว เงินออม หรือบำนาญเพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายจริง

นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นว่าผู้สูงอายุราว 34% ยังคงทำงานอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มชาย (44.7%) มากกว่ากลุ่มหญิง (26.2%) เหตุผลหลักคือสุขภาพแข็งแรงและยังมีภาระเลี้ยงดูครอบครัว การสร้างรายได้ให้เหมาะสมวัย เช่น อาชีพอิสระ ขายของออนไลน์ งานฝีมือ หรือการให้คำปรึกษาเฉพาะทาง ได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้สูงอายุสามารถต่อยอดความรู้สู่โครงการฝึกอาชีพตามศูนย์ผู้สูงวัยในชุมชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐและองค์การปกครองท้องถิ่นในปี 2025

สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเข้าพักในศูนย์ดูแลหรือบ้านพัก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ “สำรวจโครงสร้างรายได้–ค่าใช้จ่าย” ของตนเอง ตั้งแต่เงินออม ประเภทความคุ้มครองประกันสุขภาพ ไปจนถึงการขอรับสิทธิ์สนับสนุนหรือสวัสดิการจากหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน หรือกองทุนหมู่บ้าน หลายศูนย์มีบริการให้ปรึกษาด้านการเงินหรือช่วยประสานงานเงินสมทบจากเครือข่ายครอบครัว การวางแผนระยะยาวอาจเลือกการร่วมลงทุนกับกลุ่มเพื่อนหรือญาติใน “Co-housing” เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่อหัว และยังช่วยพัฒนาความร่วมมือด้านสังคม ความปลอดภัย และการดูแลกันเองได้อีกช่องทางหนึ่ง

สิ่งที่ควรใส่ใจอย่างยิ่งในปี 2025 ได้แก่ การจับตาความคุ้มค่าของแต่ละโครงการ การเปรียบเทียบเงื่อนไขและโปรโมชั่น (เช่น การชำระรายปี โปรแกรมส่วนลดสำหรับผู้สูงวัยที่มีรายได้น้อย) และตรวจสอบฐานะริมฝีปากตนเองก่อนสมัครเข้ารับบริการ รวมไปถึงวางแผนเงินบำนาญล่วงหน้าหรือขอคำแนะนำจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันมีแพ็กเกจและกองทุนรองรับการอยู่อาศัยผู้สูงอายุโดยเฉพาะ การวางรากฐานการเงินที่มั่นคงจะทำให้การเลือกที่อยู่อาศัยสำหรับวัยเกษียณกลายเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตระยะยาวอย่างแท้จริง

คำแนะนำสำหรับการเตรียมตัวของผู้สูงวัยและครอบครัว

  • วางแผนทางการเงินล่วงหน้า รวมถึงจัดเตรียมเงินบำนาญ การสนับสนุนจากบุตรหลาน หรือเบี้ยยังชีพ
  • ประเมินสุขภาพและความต้องการในระยะยาว เพื่อเลือกบริการที่สอดคล้อง
  • เลือกที่อยู่อาศัยหรือชุมชนที่มีองค์ประกอบและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตและความต้องการส่วนบุคคล
  • ตรวจสอบมาตรฐานและใบอนุญาตของศูนย์หรือบ้านพักก่อนตัดสินใจเข้าพัก
  • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากอดีตผู้ใช้บริการ หรือเยี่ยมชมจริงเพื่อประเมินบรรยากาศและคุณภาพบริการ
  • หากยังไม่พร้อมออกจากบ้านเดิม ควรพิจารณาเสริมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ปิ่นโตอาหารสำเร็จรูป, บริการสุขภาพที่บ้าน, หรือ Smart Device เพื่อแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน

ในปี 2025 ทางเลือกเรื่องที่อยู่อาศัยและชุมชนดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรและความต้องการที่หลากหลาย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยครอบคลุมกลุ่มที่มีความต้องการแตกต่างกัน ผู้สูงอายุและครอบครัวสามารถศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบเพื่อเลือกโซลูชันที่ตรงกับความต้องการด้านร่างกาย สภาพแวดล้อม สังคม และฐานะการเงิน ทั้งนี้ การเตรียมตัวและวางแผนล่วงหน้ายังคงเป็นหัวใจสำคัญเพื่อให้คุณภาพชีวิตในวัยเกษียณสมดุล แข็งแรง และมีความสุขสูงสุดท่ามกลางสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ของไทยปี 2025

Sources

การยกเว้นความรับผิดชอบ: เนื้อหาทั้งหมด รวมถึงข้อความ กราฟิก รูปภาพ และข้อมูลที่มีอยู่ในหรือสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ข้อมูลและวัสดุที่มีอยู่ในหน้านี้ รวมถึงข้อกำหนด เงื่อนไขและคำอธิบายที่ปรากฏอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า.

Published: 05/07/2025

Disclaimer: Southermore.com only provides general information and nothing on the site should be taken as any form of advice, warranty or endorsement. The content, information, articles, links, pictures, graphics, and other information contained on this site is for information and entertainment purposes only and is not a substitute for professional advice. To learn more, you should review our Privacy Policy which details important information that will help answer questions regarding personal privacy in relation to the use of our site.